วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คุณครูในดวงใจ

นี่เป็นการรวบรวมบทความในเรื่อง คุณครูในดวงใจ

คุณครูในดวงใจคือ อาจารย์จงดี ใจตรง ท่านเป็นอาจารย์ที่ไม่ค่อยพูด นักเรียนมัก เกรงกลัว เพราะอาจารย์ดุ แต่ที่จริงแล้ว อาจารย์ใจดีมากๆ ฉันได้รู้จักอาจารย์ เพราะพี่พูด ให้ฟังเสมอว่า ท่านเป็นคนที่ดุมาก ฉันก็รู้สึกกลัวท่าน ตามไปด้วย ทั้งที่ยังไม่เคยเห็น ตัวจริงของท่านเลย
จนมาวันหนึ่ง ฉันเข้าไปฝ่ายวิชาการกับเพื่อน แล้วก็ได้เจอท่าน ท่านพูดกับฉันว่า "ถ้าไม่เคยทำได้ ก็ต้องทำ ให้มันได้สิ" เรื่องที่พูดก็คือ เรื่องเกรด
จากนั้นฉันก็พยายามทำตามท่านบอก และฉันก็ทำได้สำเร็จ ฉันค่อยๆ สนิทกับท่าน และรัก ท่านมากขึ้นๆ แต่ตอนนี้ ท่านย้ายโรงเรียนไปแล้ว
ตอนที่ฉันติดจุฬาฯ ก็โทรไปบอกท่าน ท่านดีใจด้วย และบอกให้ฉันพยายามทำ ให้ดีที่สุด ฉันรู้สึกขอบคุณท่านมาก ที่ท่านเป็นเหมือนพลังใจให้ฉันมาตลอด
* น.ส.ลัดดาพร สุทธสะ


น.ส.วรรณนิดา ภูชนา
ขอบคุณพ่อแม่ ที่เป็นครูคนแรกสั่งสอนผมตั้งแต่เด็ก
ขอบคุณ ครูอุษา ( ครูสมัยอนุบาล) ที่ลงโทษ ดุ ว่ากล่าว ตักเตือนมาตลอด จนถึงปัจจุบันนี้ครูอุษา ก็ยังดูแลผมเหมือนแม่ผมคนหนึ่ง
ขอบคุณครูประถมฯทุกท่านที่ชี้แนะแนวทางและอบรมมาตลอด
ขอบคุณอาจารย์นิศากร, อาจารย์ศุภพงศ์ และอาจารย์ทุกท่านที่ให้การอบรม ให้คำแนะนำ มาโดยตลอด
ขอบคุณ ครูฝึกนักศึกษาวิชาทหารทุกท่าน ที่ฝึกให้ผมมีระเบียบวินัย มีความอดทน มีความสามัคคี
ขอบคุณ วิทยากรทุกๆ ท่านที่เคยชี้แนะ อบรม หรือบอกถึงสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ
ไม่ขอขอบคุณครูอาจารย์ท่านใด มากกว่ากัน แต่ขอขอบคุณ ทุกท่านเท่ากัน หมดใจ ด้วยใจจริง




กว่าจะมาเป็นเราในวันนี้ ชีวิตต้องผ่านอะไรมามากมาย ผ่านบททดสอบความอดทน สิ่งต่างๆ ที่เราพบมา ไม่ว่าจะเป็นเสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ เสียงกระซิบเบาๆ จากใคร คนหนึ่งในยามท้อถอย หมดกำลังใจ ดิฉันเคยมีช่วงเวลาที่ท้อสุดๆ จนคิดอะไรไม่ออก ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร จนในที่สุดก็หาทางออก ได้ด้วย คำแนะนำ จากแม่พิมพ์ของชาติ ผู้เสียสละเพื่อให้เด็กไทย มีการศึกษา
ดิฉันเป็นเด็กยากจน การเรียนพอใช้ มีความฝันอยากเรียนสูงๆ และมีคุณภาพ แต่เพราะ ความจน ในเวลานั้น ณ จุดนั้นอะไรๆ ก็โถมเข้ามาในชีวิตพร้อมกัน ไม่ว่าจะปัญหา ครอบครัว การเรียน และเพื่อน ดิฉันท้อมาก จับต้นชน ปลายไม่ถูก จนในที่สุด ได้มาพบกับ คุณครู ผู้ซึ่งทำให้เราเป็นเรา ในวันนี้ได้ อย่างสง่าผ่าเผย และแข็งแกร่ง
ท่านผู้ผ่านอะไรมาหลายอย่างที่เราไม่เคยรู้หรือมีประสบการณ์ เมื่อมีปัญหาท่านเป็นแม่ เป็นเพื่อน ของเราได้ ท่านทำให้เรา กลายเป็นคนที่กล้าตัดสินใจ รู้จักคิด รู้จักการอยู่ ในสังคม และปรับตัวด้วยการสอน แง่คิดต่างๆ
ดิฉันภาคภูมิใจมากที่ได้เขียนชื่อท่าน คุณครูอัมพร นิลผาย ครูจากโรงเรียนบัวขาว ดิฉัน และเพื่อนๆ เรียกท่านว่า "แม่"ได้อย่างเต็มปาก ทุกคนที่ได้สัมผัสกับไออุ่น แห่งความเป็น แม่พิมพ์ของชาติ จากท่าน รู้สึกได้ อย่างยาก ที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
กว่าดิฉันจะยืนหยัดได้จนถึงทุกวันนี้ คุณครูเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เป็นดิฉันในวันนี้...
* เคารพและศรัทธา... 

คุณครูในดวงใจของข้าพเจ้าคือ อาจารย์เตือนใจ ที่สอนคณิตฯ ตอน มัธยมศึกษาปีที่ ๖ อาจารย์จะสอน นักเรียนด้วยหัวใจที่อยากจะให้นักเรียนได้ความรู้จริงๆ อาจารย์รัก และ หวังดีกับ พวกเรามากๆ ไม่เพียงแต่สอน วิชาการเท่านั้น การดำเนินชีวิตอาจารย์ก็สอน บ่อยครั้งที่พวกเรา ทำให้อาจารย์ต้องร้องไห้ แต่เราก็ ไม่สำนึกผิด หลังจากนั้นไม่นาน จึงรู้ว่าพวกเราผิดจริงๆ และไปกราบขอโทษอาจารย์
ข้าพเจ้ารักอาจารย์ท่านนี้จริงๆ ท่านสอนให้ข้าพเจ้ามีพลัง มีความพยายามในการเรียน และการใช้ชีวิต อาจารย์ประเสริฐมาก ทุกคำสอนของอาจารย์ จะอยู่ในใจไม่มีวันลืม
* อุมาภรณ์ ปานฉิม
คุณครูในดวงใจของผมคือ คุณครูนงนุช แหมา สอนวิชาพุทธศาสนา ท่านเคยเป็นอาจารย์ ประจำชั้นผม ตอน มัธยมศึกษาปีที่ ๓ ห้อง ๓ ท่านเป็นอาจารย์ที่ ใจดีมาก รอยยิ้ม ของท่านแสนสดใส และเปี่ยมด้วย ความจริงใจ ท่านสามารถ เอาชนะใจผมและเพื่อน ที่แสนจะดื้อได้ทั้งห้อง ห้องเรารักครูนงนุชมาก ครูใช้ความดี และความเห็นอกเห็นใจ นักเรียน ช่วยสอนแม้เพื่อนๆ ในห้องเรียนทำผิด ครูก็ยังตักเตือนด้วย "รอยยิ้มสดใส" เหมือนครูจะบอก ความนัยว่า ครูให้อภัยลูกศิษย์เสมอ
ครูมีอายุพอสมควร ท่านจึงเข้าใจและยอมรับพฤติกรรมของพวกเราได้ ความจริงที่เรา ไม่กล้าดื้อรั้น กับครู และเชื่อฟังครูมาตลอด เพราะครูเป็นคนที่ดีมาก ดีเกินกว่าที่จะมี ลูกศิษย์ ไม่เอาไหน อย่างพวกผม ผมและเพื่อนจึง "ละอายใจ ทุกครั้งที่จะทำความผิด" ผมและเพื่อนกลัวครูเสียใจ ปกติแล้ว ครูไม่ต้องสนใจ พวกเรา ดีอย่างนี้ก็ได้ แต่ครูกลับ สนใจเราเหมือนลูก พวกเราทั้งห้อง จึงพร้อมใจเรียกว่า "แม่" และ ที่ประทับใจที่สุด ของผมคือ ครูเป็นอาจารย์คนแรกที่เรียก ชื่อเล่นผมอย่างสนิทคุ้นเคย ซึ่งอาจารย์ ท่านอื่นๆ ชอบเรียกแต่ชื่อจริง หรือไม่ก็บอกว่า จำไม่ค่อยได้ นักเรียนเยอะ แต่ครูท่านนี้ กลับจำชื่อ ลูกศิษย์ ของครู ได้ทุกคน แปลกนะ... เจอครูทีไร ครูก็จะมาทักทายก่อนทุกที ยิ่งดีใจมากๆ ครูก็จะโอบกอดนักเรียน ซึ่งผมก็จำได้ว่า ครูก็เคยโอบกอดผมครั้งหนึ่ง มันเป็นความทรงจำ ที่ดีมาก และครูจะอยู่ในใจผม ตลอดไป
* มนัส นันตาบุตร

ตอนประถมศึกษา ประทับใจ อาจารย์ประสิทธิ์ แก้วไพฑูลย์ มาก คุณครูสอนวิชา คณิตศาสตร์ ทุกเช้า คุณครูจะให้ท่องสูตรคูณก่อนเรียนโดยไล่เป็นรายบุคคล ถ้าท่อง ไม่ได้ก็จะถูกตีมือ ด้วยไม้เรียว ถ้าใคร ไม่ทำการบ้าน ก็จะถูกตีที่ก้น ทีแรกรู้สึกไม่ชอบ ครูคนนี้มากเลย เอะอะอะไรก็ตี เมื่อจบประถมศึกษาปีที่ ๖ ได้ เข้าไปเรียน มัธยมศึกษาปีที่ ๑ ที่ตัวจังหวัด จึงได้รู้ว่า ที่ครูให้ทำ ล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่อเรา สอนให้เรา มีพื้นฐานที่ดี มีวินัย มีความรับผิดชอบ ครูสอนหลายๆ อย่างให้หนู ซึ่งหนูจะไม่มีวันลืม
* น.ส.เสาวลักษณ์ สัมพันธ์

คุณครูในดวงใจของดิฉันคือ อาจารย์สุวลี ทองเรืองกิตติ ซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของ ดิฉันเอง อาจารย์ จะคอยแนะนำ เรื่องการเรียน การประพฤติปฏิบัติตนอยู่เสมอ อาจารย์จะทุ่มเทกับ การสอนนักเรียนมาก ไม่ว่าจะเป็น วันเสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุด หากนักเรียนเรียนไม่ทัน อาจารย์ก็จะมาสอนให้ ที่โรงเรียน อาจารย์จะคอย ตักเตือน ดิฉันและเพื่อนๆ หากทำผิด และสนับสนุนทุกเรื่อง ที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา ใครมี ปัญหาอะไร ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางบ้าน ปัญหาส่วนตัว หรือการเรียน อาจารย์จะให้ คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษา ให้เสมอ
* ปริศนา ร้อยแก้ว
ขอขอบคุณอาจารย์ดำรง ที่ให้คำปรึกษาใน ด้านการเรียน พยายามติวฟิสิกส์ให้หนู ได้รับความรู้ ทำข้อสอบ เอ็นทรานซ์ได้ รวมทั้งติวกลางภาคและปลายภาคให้เสมอ เป็นผู้ให้กำลังใจ ในการใช้ชีวิต ทั้งเรื่องเพื่อน เรื่องเรียน ทุกครั้งที่หนูมีปัญหา ท่านก็จะ สละเวลาให้หนู แม้บางครั้งจะติดธุระสำคัญ ให้แบบฝึกหัดฟรีๆ เพื่อให้ได้ ความรู้ อย่างแท้จริง และคอยดีใจกับข่าวดีของหนูเสมอ ท่านให้โดยไม่เคยเรียกร้อง เงินทอง ตอบแทน ท่านพูดเสมอว่า สิ่งที่สำคัญคือการสอนให้นักเรียนได้ความรู้ ไม่ใช่ได้เงิน ค่าสอนเพิ่ม หนูจะจดจำ และระลึกอยู่เสมอว่า ท่านมีบุญคุณต่อหนูเพียงใด หนูอยาก ขอบคุณท่าน จากใจจริงค่ะ
* น.ส.เจนจิรา ชาญชัยรัตนชัย
คุณครูที่หนูเคารพรักมากที่สุดคือ อาจารย์ประนอม ท่านสอนวิชาเคมี ในระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๔ เป็นคนใจดี มากๆ และมีน้ำใจต่อศิษย์ทุกคน
หนูยังจำได้ตอนที่เรียนวิชาเคมีกับท่าน ท่านพูดไพเราะมาก ทำให้หนู ไม่รู้สึกกลัว จนกระทั่ง ขึ้นชั้น มัธยมศึกษา ปีที่ ๕ แม้จะไม่ได้เรียนวิชาเคมีกับท่าน แต่ท่านยังคง ถามไถ่อยู่ตลอดว่า เคมี ม.๕ เรียนยากไหม เรียนได้หรือเปล่า ต้องตั้งใจเรียนนะ ขยันๆ หน่อย หนูจะรู้สึกดีและอบอุ่นมาก
เวลาหนูเดินผ่านท่าน หนูจะสวัสดีทักทายท่านเสมอ และท่านก็จะตอบสวัสดีหนู พร้อมด้วย รอยยิ้มที่เอ็นดู
ตอนหนูเรียนมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ท่านก็ยังคงถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ และเรื่องการเรียน ของหนู อยู่ไม่ขาด ทำให้หนูรัก และเคารพท่านมากๆ ตอนหนูจบมัธยมศึกษาปีที่ ๖ หนูได้นำดอกกุหลาบไปให้ และกล่าว คำอำลาท่าน ขอบคุณท่าน ท่านก็อวยพร ให้หนู พยายามตั้งใจเรียน เพราะมันยากมากๆ และให้ประสบความสำเร็จ ดังที่ดาดหวังเอาไว้
สิ่งเหล่านี้ยังอยู่ในความทรงจำของหนูตลอดมา สิ่งเดียวที่อยากจะบอกท่านคือ ขอขอบคุณ อาจารย์ประนอม มากๆ ค่ะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง และความหวังดี ที่อาจารย์ มอบให้หนูตลอดมา
* น.ส.ปนัดดา โสะหาบ
คุณครูในดวงใจ อาจารย์ สุวรรณี พรหมประสิทธิ์ ( ครูอ้อย) ครูท่านนี้เป็นครูที่มีน้ำใจ ช่วยเหลือ ข้าพเจ้า ทั้งในด้านวัตถุ และความรู้ ตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ ๑ ครูคอยถามเสมอว่า การเรียน เป็นอย่างไรบ้าง ครูเป็นคนขยัน เรียนเก่ง ตั้งใจ นิสัยดี เรียบร้อย ครูสอนให้นักเรียนเข้าใจ เพื่อนำไป ปฏิบัติจริงๆ ครูเล่าเรื่องในอดีตเกี่ยวกับ การเรียนของครูให้ฟัง ทำให้เราพยายาม จะทำให้ได้แบบครู เวลาข้าพเจ้าเครียด ท้อ ครูก็คอยเตือนอยู่เสมอ ถึงขณะนี้เป็นลูกศิษย์ครูมาเกือบ ๗ ปีแล้ว ได้อะไร จากครู หลายอย่าง และต่อไป จะหาโอกาสตอบแทนครู แม้จะไม่ใช่วัตถุ แต่ด้วยใจก็ยังดี เพื่อครู จะได้รู้ว่า ข้าพเจ้า ยังเป็นลูกศิษย์ครูอยู่เสมอ
* น.ส.อุไรวรรณ ไหววิจิตร
คุณครูในดวงใจคือครูอ้วน ท่านสอน EEc IQ MATH คณิตคิดในใจ ผมไปสมัครเรียนคอร์สนี้ ประมาณ ๖ ปีที่แล้ว ๒ คอร์สเริ่มต้น ตอนแรกยังไม่ได้เรียนกับครูอ้วน แต่น้องชายเล่า ให้ฟัง ท่านสอนสนุกดี มีของรางวัลด้วย แล้วผมก็จะได้อยู่บ่อยๆ เพราะคะแนนดีที่สุด ในห้อง พอจบ ๒ คอร์สแรก ผมก็ไม่คิด ที่จะเรียนคอร์สต่อไป เพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ แต่ครูอ้วนชวนผมไปเรียน โดยไม่ต้องจ่ายค่าเทอม ครูอ้วนใจดีมาก ตอนนี้ ท่านไม่ได้สอนที่ EEc แล้ว แต่ผมก็ไปเยี่ยมครูอ้วนบ่อยๆ บอกข่าวเรื่องการสอบ เอ็นซ์ทรานต่างๆ ซึ่งพอ ครูอ้วน รู้ว่าติดก็ดีใจ ไปกับผมด้วย และรับฟังปัญหา ของผมเสมอ
ครูแหม่ม อาจารย์กาญจนา สนธิโพธิ์ อาจารย์หมวดคณิตศาสตร์ โรงเรียนนครสวรรค์ ครูแหม่ม (อาจารย์แหม่ม) ซึ่งเป็นอดีต อาจารย์ประจำชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ เป็นอาจารย์ ที่ดูเหมือนจะดุ แต่จริงๆ ใจดีมาก เป็นคนที่ทำให้ ระบบระเบียบการคิดคำนวณ ในวิชา คณิตศาสตร์ของผมดีขึ้น ทำให้ผม รักและชอบเรียน วิชานี้มากขึ้น อาจารย์เข้าใจนักเรียน เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาที่ดีมาก วิธีการสอนของอาจารย์ ที่ผมประทับใจ ก็คือ การให้นักเรียน มีส่วนร่วม ออกมาแสดงวิธีคำนวณคณิตศาสตร์ บนกระดานดำ หน้าชั้นเรียน ซึ่ง วิธีนี้ ทำให้ผม เรียนวิชานี้ดีขึ้น เข้าใจมากขึ้น เป็นเหตุที่ทำให้ผมรักวิชา คณิตศาสตร์มาก
* วัชรา เมฆอรุโณทัย

ขอบคุณ...พระคุณครู
* นิรันดร์ มงคลการ
การก้าวเข้ามาในประโคนชัยพิทยาคม ให้อะไรหลายอย่าง รวมทั้งยังให้คุณครูที่รักดูแล เอาใจใส่ศิษย์ เช่น คุณครูนิฏฐา กัลยาประสิทธิ์ และคุณครูอุบลวรรณ ภูผาจง ท่านเป็น อาจารย์ที่ปรึกษา ของเราชาว ๖/๑ มาตั้งแต่ มัธยมศึกษาปีที่ ๔/๑ ท่านดูแลเอาใจใส่ พวกเรา ดีมาก เราทุกคนในห้อง รักท่านทั้งสองคน จะเรียก ท่านว่าแม่ แม่จะคอยว่า คอยสอนเรา ให้เราเป็นเด็กดี ให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆ ใครมีความทุกข์ ก็จะเข้าไปเล่า ให้ท่านฟัง แม่ช่วยให้กำลังใจ ให้คำแนะนำในการแก้ปัญหา แม่ให้ความเป็นกันเอง กับพวกเรา ทุกคนมาก และท่านทั้งสอง ก็เคยไปเยี่ยมบ้านของลูกๆ ทุกคนมาแล้ว รวมทั้งบ้านของหนู ที่อยู่ไกลออกไป อีกกว่าหกสิบกิโลเมตร แม้ถนนหนทางทุรกันดาร ท่านก็ไป และเป็นครั้งที่สอง ที่ท่านจัดให้พวกเราในห้อง ไปปิกนิก ที่บ้านของหนู ท่ามกลาง ภูเขา แม่น้ำ ด้วยงบของท่านทั้งสอง พวกเรายิ่งรักท่าน มากขึ้นทุกวัน จนถึงเวลาที่ คุณแม่นิฏฐา ต้องลาออกจากราชการ เพราะต้องไปบริหารโรงเรียน ของท่านเอง ที่ก่อตั้ง นานหลายปี พวกเรามีความผูกพันกับท่านมาก จำได้ว่าวันนั้นเราชาว ๖/๑ ทำให้คนหลายคน ในโรงเรียนร้องไห้ เพราะซึ้งใจ เรา ๖/๑ ร่วมกันร้องเพลง ประสานเสียง "ครูในดวงใจ" มอบให้แก่อาจารย์นิฏฐา แม่คนที่ ๒ ของพวกเรา บรรยากาศ การอำลาวันนั้น แต่ละคนจะเข้าไปกราบตักแม่นิฏฐา และร้องไห้ ท่านจะให้พรเรา ทุกคน โดยเฉพาะหนู แม่เป็นห่วงมาก อยากให้ ได้เรียนต่อเพราะทราบถึงฐานะของหนูดี หนูกอด แม่นิฏฐา ร้องไห้ บรรยากาศ วันนั้นยังแจ่มแจ้งในใจเสมอ หนูรักท่านมาก เวลาว่าง ในตอนเย็น เราก็จะรวมกลุ่มกัน ไปเยี่ยมแม่ทั้งสอง ที่บ้านเสมอๆ หนูดีใจมาก ที่ได้ ตอบแทนบุญคุณท่าน ได้ทำสิ่งที่ทำให้ท่านภูมิใจ คือการสอบติด โครงการจุฬาชนบท เมื่อท่านรู้ ท่าน ดีใจกับหนูมาก หนูอยากบอกท่านว่า ท่านทั้งสอง จะเป็นครูในดวงใจ ของหนู ตลอดไป
* น.ส.อรพรรณ จันทร์ดิษฐ์
ตั้งแต่ชั้นประถม ผมรู้สึกดีใจที่ครูหลายคนดูแลเอาใจใส่ผม จนสามารถอ่านออก เขียนได้ ท่านแรกคือ ครูอัจฉราพร การวิลัย เป็นครูสอนอนุบาล ท่านดูแลเอาใจใส่จนทำให้ผม คิดว่า นี่คือ แม่ของผมอีกคนหนึ่ง
ประถมปีที่ ๑ ครูศิริพร ทาชาติ ท่านสอนทั้งในห้องเรียนและที่บ้านของท่าน แถมยังมี อาหารว่างให้ด้วย เวลาไม่สบายก็มาถามอาการที่บ้าน
มัธยมต้น ครูปัญจา ใสศรี เป็นครูภาษาไทยที่สอนสนุก ท่านไม่เคยรำคาญผมเลย จะสอน จนเข้าใจ แม้จะถึงเวลา กลับบ้านของท่านแล้วก็ตาม
มัธยมปลาย ครูแดง กลางท่าไค่ เป็นอาจารย์สอนฟิสิกส์ ผมรู้สึกรักอาจารย์ท่านนี้มาก ท่านสอนอย่าง ไม่เหน็ดเหนื่อย สอนวันอาทิตย์ ที่บ้านโดยไม่คิดค่าเรียนเลย และยังเลี้ยง อาหารเที่ยงด้วย ในขณะที่มี นักเรียน โรงเรียนอื่นอีกหลายคน ต้องการจ้างท่านไปสอน เพราะท่านสอนดีมาก แต่ท่านก็ห่วงใยเด็ก ที่ขาดโอกาส มากกว่า จนทำให้ผมมีวันนี้ได้ ผมจะไม่มีวันลืมพระคุณ ของอาจารย์ทุกๆ ท่านที่เคยสอนมา ขอบคุณครับ
* นายศิลป์ชัย มิรัตนไพร


กลอนสำหรับคุณครูผู้มีพระคุณ

คำกลอนเพื่อคุณคร
ครูคือผู้เสริมสร้างทางชีวิต
เพื่อลูกศิษย์มากมายหลากหลายรุ่น
ครูพากเพียรมีมานะและพระคุณ
จิตการุญต่อทุกคนมิจนใจ
   ครูเป็นจิตร-กรเอก เสกแต้มสี
ให้ศิษย์มีอนาคตงามสดใส
ครูคือผู้รู้เห็นความเป็นไป
ช่วยแก้ไข พฤติการพาลเกเร
ครูนั้นมีจรรยารู้หน้าที่
ร่างกายดีจิตคงมั่นมิหันเห
ความรู้มีเท่าใดครูถ่ายเท
มิแสร้งเสวิชาการงานที่ทำ
คารวะคุณครูผู้ประเสริฐ
แสนเลอเลิศคุณความดีที่ดื่มด่ำ
มีความสุขความเยือกเย็นเป็นประจำ
เป็นผู้นำของมวลศิษย์นิจนิรันดร์
การศึกษา
การศึกษา เป็นพื้นฐานของชีวิต
การศึกษา เน้นความคิดมีเหตุผล
การศึกษา พัฒนาค่าของคน
การศึกษา เริ่มฝึกฝนคนให้ดี
การศึกษา ต้องศึกษาอย่าหยุดยั้ง
การศึกษา ต้องปลูกฝังเรื่องศักดิ์ศรี
การศึกษา ต้องฝึกใจไร้ราคี
การศึกษา ต้องมุ่งที่ความเป็นคน
การศึกษา ต้องใฝ่หาความถูกต้อง
การศึกษา พึงหมายปองบุญกุศล
การศึกษา ต้องสำนึกฝึกที่ตน
การศึกษา ต้องหลุดพ้นอวิชชา

“มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลอบายมุข”
ขอโทษ
การขอโทษมิใช่การพ่ายแพ้
จะเป็นความอ่อนแอก็หาไม่
การขอโทษคีอการชนะใจ
เป็นความกล้าอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์
หนึ่งนาที
การอบรมบ่มนิสัยให้ศิษย์นั้น
เพียงวันละนาทีก็ดีถม
ศิษย์จะดีมีชื่อหรือล่มจม
อาจเป็นเพราะอบรมหนึ่งนาที
ศิษย์ดี ดูที่ครูดี
ครูดี ดูที่ศิษย์ดี
ถิ่นไทยในป่ากว้าง ห่างไกล
แสงวัฒนธรรมใด ส่องบ้าง
เห็นเทียนอยู่รำไร เล่มหนึ่ง
ครูนั้นแหละอาจสร้าง เสกให้ชัชวาลย์
เด็กวันนี้
เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า
ทำทีท่าแม้นละม้ายคล้ายพ่อแม่
ผู้ใหญ่ดีเด็กก็งามตามเหล่ากอ
ผู้ใหญ่บ้าเด็กก็บอพอพอกัน
หลอก หลอก หลอก
เราอาจหลอกคนได้ บางคน
เราอาจหลอกคนได้ บาวครั้ง
เราอาจหลอกคนบางคนได้ ทุกครั้ง
แต่เราไม่อาจหลอกคนทุกคนได้ ทุกครั้ง
ความหายนะของชีวีต คือ
แม้เราเริ่มหลอกแม้กระทั่ง … ตัวเอง

ยิ้มดี 4 อย่าง
เขาโกรธ เรายิ้มเขาแย่
เราโกรธ เขายิ้มเราเเย่
เขาโกรธ เราโกรธ ต่างแย่
เขายิ้ม เรายิ้ม สบายแน่

รู้ 4 อย่าง
รู้เรี่อง
รู้สึก
รู้สำนึก
รู้กระทำ
กระบวนการฝึกอบรม
ละลายพฤติกรรมมนุษย์
จุดประกายความคิด
สะกิดความรู้สึก
ปลูกสำนึกคุณธรรม
นำสู่คุณภาพชีวิต
หนทางยังยาวไกล
รีบเติมไฟเพื่อต่อสู้
ความกล้าพอมีอยู่
ไยสูเจ้าจึงหมดแรง
หลักชัยที่เราหมาย
อย่าหลงไหลทำให้แจ้ง
วันเดือนเลื่อนเปลี่ยนแปลง
ชีวิตเราก็โรยรา
ฮึดสู้กันอีกใหม่
โถมกายให้แกร่งกล้า
มุ่งมั่นในศรัทธา
เพื่อเสริมแรงพลังใจ
เติบโต
ให้เธอเติบโตด้วยความกล้า
ก้าวไปข้างหน้าฝ่าพงหนาม
ดวงใจมิหยุดพยายาม
กล้าจักเดินตามหนทางตน
ให้เธอเติบโตดด้วยความคิด
เรียนรู้ชีวิตทุกแห่งหน
ตรองด้วยปัญญาอันแยบนล
“รู้คิด รู้ค้น รู้ตนเอง”
วิถีชีวิต
การผ่านการพบการหลบหลีก
ไม่ใช่เพียงเป็นแค่ความเคลื่อนไหว
จากก้าวทุกก้าวที่ยาวไกล
กลายเป็นวึยเป็นวิถแห่งชีวิต
ปวดร้าวเป็นทุกข์สนุกสนาน
มีการก้าวถูกและก้าวผิด
ต้องการดวงเทียนและเข็มทิศ
เพื่อพิชิตทางชัยในชีวี
ต้องมีความรู้คู่ความคิด
เป็นเข็มทิศดวงเทียนสองวิถี
ต้องมีความรู้คู่ความดี
เพื่อชีพนี้มีค่าและงดงาม
เส้นทางผู้นำ
สวย ด้วยจรรยามารยาท
งาม ด้วยธรรมชาติมีน้ำใจไว้ศักดิ์ศรี
ดี ด้วยคุณธรรมนำให้ดี
สามสิ่งนี้เป็นคุณสมบัติที่ชัดเจน
มีมือจะใช้มือประคองถือแท่งเทียนธรรม
ส่องทางสว่างนำสู่ความหวังสังคมไทย
มีเสียงจะเปล่งเสียงอย่างแท้เที่ยงและเกรียงไกร
มีใจจะเทใจผดุงนามแห่งความดี
คนไม่ดี 9 ชนิด
โดดเดี่ยว
ดื้อยา
กบในกะลา
น้ำชาล้นถ้วย
ป่วยแล้วไม่รักษา
แสวงหาแต่ประโยชน์ตน
มองคนในแง่ร้าย
ใจกายไม่สะอาด
เป็นทาสอบายมุข
ผู้ฟังชอบอะไร
รูปัปปมาณิกา ชอบรูปร่าง
โฆสัปปมาณิกา ชอบเสียง
ลูขัปปมาณิกา ชอบการแต่งกาย
ธัมมัปปมาณิกา ชอบสาระ 
บันไดสู่ความเป็นดาว
เตรียมให้พร้อม
ซักซ้อมให้ดี
ท่าทีให้สง่า
หน้าตาให้สุขุม
ทักที่ประชุมอย่าวกวน
เริ่มต้นให้โน้มน้าว
เรื่องราวกระชับ
ตาจับที่ผู้ฟัง
เสียงดังแต่พอดี
อย่ามีเอ้ออ้า
ดูเวลาพอครบ
สรุปจบให้จับใจ
ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดกาลพูด
ปิด

ปิดหูซ้ายทะลุหูขวา
ปิดตาสองข้าง
ปิดปากเสียบ้าง
จะนั่งนอนสบาย
สติคุม

เป็นคนดี จะต้องมี ซึ่งสติ
จะดำริ ก็ต้องมีสติมั่น
จะพูดจา ก็ต้องมี สติทัน
จะทำนั่น ทำนี่ สติคุม 
คุณครูที่รัก
จากเทียนไขเป็นไฟฟ้าจ้าสว่าง
จากเรือจ้างเป็นเรือยนต์กลสมัย
เป็นเรือบินเหมือนฝันเร็วทันใจ
เป็นอุทัยเจิดจ้าฟากฟ้าทอง
เมื่อสังคมหมุนเวียนเปลี่ยนตามยุค
ครูต้องปลุกกายใจให้ผุดผ่อง
ในยุคคนบูชาค่าเงินทอง
ครูยิ่งมองปัญหาอย่างท้าทาย
จากรอยเท้าก้าวย่างบนทางก้าว
ใช้ลบรอยสูญเปล่าไร้ความหมาย
ทุกย่างก้าวบนดินกรวดหินทราย
จารึกคุณครูไว้ให้เรืองรอง
เติบโต

ให้เธอเติบโตด้วยความกล้า
ก้าวไปข้างหน้าฝ่าพงหนาม
ดวงใจมิหยุดพยายาม
กล้าจักเดินตามหนทางตน
ให้เธอเติบดตด้วยความคิด
เรียนรู้ชีวิตทุกแห่งหน
ตรองด้วยปัญญาอันแยบยล
รู้คิด รู้ค้น รู้ตนเอง 
ครูคือเทียนทองส่องสว่าง
ท่ามกลางความมืดมัวหม่น
ครูคือปูชนียบุคคล
ปวงชนซาบซึ้งศรัทธา
ครูจึงมิใช่ลูกจ้าง
อำพรางสอนสั่งบังหน้า
เบื้องหลังเป็นทาสเงินตรา
ไขว่คว้าอำนาจลาภยศ
ครูจึงเป็นวีรบุรุษ
สัปประยุทธ์ความชั่วทั้งหมด
ครองใจครองธรรมงามงด
ปรากฏแก่ตน คนเป็นครู
เราจะทำในสิ่งที่ผู้อื่น ทำได้ยาก
เราจะอดทนในสิ่งที่ผู้อื่นทนได้ยาก
เราจะสละในสิ่งที่ผู้อื่นสละได้ยาก
เราจะเอาชนะในสิ่งที่ผู้อื่นชนะได้ยาก
ที่สำคัญคือ
การชนะใจตนเอง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า
อตฺตา หเว ชิตฺ เสยโย
ชนะตนนี้แลดีกว่า
เกิดมาทั้งที
จงเอาดีให้ได้
จะตายทั้งที
จงฝากดีเอาไว้
ภาระครูเกินถ้อยจะร้อยขาน
ครูบันดาลศิษย์ให้ไกลมัวหมอง
สร้างเด็กไทยดีงามตามครรลอง
สร้างสมอง สร้างพลัง คลังปัญญา
ครูรู้คิดรู้ทำนำไปใช้
ครูสอนให้สร้างสรรค์ แก้ปัญหา
จากดวงใจสูเจตน์แห่งเมตตา
ชาติก้าวหน้ามาบัดนี้เพราะมีครู
ประตูสู่ความสำเร็จ
มนุษย์สัมพันธ์ดี
รับผิดชอบต่อหน้าที่เชื่อมั่น
ความคิดสร้างสรรค์
แก้ปัยหาเฉพาะหน้าได้
อดทนเสียสละ
อารมณ์ร่าเริงแจ่มใส
มีความรักให้
ซื่อสัตย์
รับฟังความคิดเห็น 
จงดูธรรมชาติเถิด
ธรรมชาติทำงานอยู่ตลอดเวลา
ไม่หยุดเลยแม้สักชั่วขณะหนึ่ง
แต่ธรรมชาติก็ไม่พูดเลย
ภายใต้ดวงอาทิตย์ดวงนี้
จะมีอะไรน่าเสียใจไปยิ่งกว่า…..
การเสียเวลาไปทั้งวัน
โดยตัวท่าน
ไม่ได้ทำอะไรเลย
อันลิงค่างกลางป่าจับมามัด
สารพัดฝึกได้ดังใจหมาย
เกิดเป็นคนควรฝึกหัดดัดใจกาย
ถ้าฝึกตนไม่ได้ก็อายลิง 
ชีวิต
อุปมาประดุจเทียนเล่มน้อยนี้
ซึ่งพร้อมที่จะส่องแสงทุกแห่งหน
ถึงแม้ว่าจะต้องคร่าชีวิตตน
ขอเพียงคนอื่นสุขกันเท่านั้นพอ
เพื่อนเอย…..จงพยายามอีกนิด
ความสำเร็จกำลังรอท่านอยู่
สามัคคีรักกันฉันท์พี่น้อง
เรื่องมัวหมองข้องใจไม่ถือสา
ให้อภัยยกโทษไม่โกรธา
ต่างเมตตารักกันไม่ฟั่นเฟือน
แม้ผิดบ่างพลั้งหน่อยอย่าพลอยซ้ำ
ให้ระกำช้ำจิตคิดเหหัน
ควรผ่อนสั้น ผ่อนยาวเข้าหากัน
ความผูกพันฉันท์น้องพี่นี้ดีเอย
มีไหมใครเลยไม่เคยพลาด
แม้เก่งกาจฉลาดเลี่ยงสักเพียงไหน
เมื่อหนทางที่ต้องก้าวอีกยาวไกล
มากหนามไหน่หลุมพรางระหว่างเดิน
ขอมีเพียงหัวใจที่ไม่ท้อ
มุ่งตรงต่อธรรมสัจจ์ไม่ขัดเขิน
อุปสรรคหนักหนากล้าเผชิญ
ทุกข์เหลือเกิน…..ต่อแต่นี้จงคลี่คลาย
เมืองเถื่อน
เมืองใดไม่มีทหารหาญ เมืองนั้นไม่นานเป็นข้า
เมืองใดไร้จอมพารา เมืองนั้นไม่ช้าอับจน
เมืองใดไม่มีพาณิชย์เลิศ เมืองนั้นย่อมเกิดขัดสน
เมืองใดไร้ศิลป์โสภณ เมืองนั้นไม่พ้นเสื่อมทราม
เมืองใดไม่มีกวีแก้ว เมืองนั้นไม่แคล้วคนหยาม
เมืองใดไร้นารีงาม เมืองนั้นสิ้นความภูมิใจ
เมืองใดไม่มีดนตรีเลิศ เมืองนั้นไม่เพริดพิศมัย
เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่เอย
วิถีชีวิต
การผ่านการพบการหลบเลี่ยง
มิใช่เป็นเพียงแค่ความเคลื่อนไหว
จากก้าวทุกก้าวที่ยาวไกล
การเป็นวัยเป็นวิถีแห่งชีวิต
ปวดร้าวทนทุกข์สนุกสนาน
มีการก้าวถูกและก้าวผิด
ต้องการดวงเทียนและเข็มทิศ
เพื่อพิชิตทางชัยในชีวี
ต้องมีความรู้คู่ความคิด
เป็นเข็มทิศดวงเทียนส่องวิถี
ต้องมีความรู้คู่ความดี
เพื่อชีพนี้มีค่าและงดงาม
คิดก่อนทำ
คิดก่อนจึงค่อยทำจงจำไว้
ทำอะไรต้องคิดทั้งหน้าหลัง
อย่าปล่อยตัวให้ทำตามลำพัง
ต้องเอาใจใส่เหนี่ยวรั้งทุกครั้งไป
ก่อนจะทำสิ่งใดใจต้องคิด
ถูกหรือผิดทำอย่างนี้ดีหรือไม่
ถ้าหากเห็นว่าไม่ดีอย่าทำไป
จงหาทางทำใหม่ทำให้ดี
แด่ครูผู้สร้างชาติ
เปลวเทียนอาบไอละมุนกรุ่นกลิ่นธูป
วะวับวูบแววหวามน้ำค้างใส
เกาะกุมกลุ่มเกรียกรายกระจายไป
บนกลีบดอกเล็กใหญ่ให้ละลาน
สองมือน้อยประคองพานคลานมานั่ง
ยกมือตั้งน้อมจิตอธิษฐาน
ขอพรแห่งเทพสถิตย์ ณ ทิพย์พิมาน
เป็นพยานต่อกตเวทีมีในใจ
มะเขือเอ๋ยดอกเจ้าเอยเคยแต่ก้ม
เจ้าเหนี่ยวโน้มนบนอบหนอต่อต้นใหญ่
จะกองสุมกลุ่มดอกมะเขือเพื่อเตือนใจ
ครูสอนสั่งเพราะหวังให้ได้ศิษย์ดี
เข็มไซร้เข็มเจ้าคมสมดังชื่อ
ใครเล่าคือผู้ฝนทั่งเป็นดังนี้
ให้รู้ผิดรู้ชอบกรอปกรรมดี
พระคุณนี้ปานฟ้าและสาคร
จึงวางพานดอกไม้ลงตรงหน้า
ด้วยศรัทธาศิษย์จดจำทุกคำสอน
เปรียบบิดามารดาเอื้ออาทร
ดับทุกข์ร้อนแก่ศิษย์ได้ทุกคน
คตินักพัฒนา
จะปลูกพืชต้องเตรียมดิน
จะกินต้องเตรียมอาหาร
จะพัฒนาการต้องเตรียมประชาชน
จะพัฒนาคนต้องเตรียมที่จิตใจ
จะพัฒนาใครเขาต้องพัฒนาที่ตัวเราก่อน
ใครคือครู............ ครูคือใคร............ ในวันนี้
ใช่อยู่ที่................ ปริญญา................ มหาศาล
ใช่อยู่ที่................ เรียกว่า................ ครูอาจารย์
ใช่อยู่นาน............สอนนาน.............. ในโรงเรียน

ครูคือผู้ ................ ชี้นำ ................ ทางความคิด
ให้รู้ถูก ................ รู้ผิด ................ คิดอ่านเขียน
ให้รู้ทุกข์ .............. รู้ยาก .............. รู้พากเพียร
ให้รู้เปลี่ยน........... แปลงสู้ ............รู้สร้างงาน

ครูคือผู้ ................เสริมสร้าง..........วิญญาณมนุษย์
ให้สูงสุด ..............กว่าสัตว์ ............... เดรัจฉาน
ครูคือผู้ ................สร้างสม ............... อุดมการณ์
ครูทำงาน ........... เหนื่อยเพื่อใคร..... ใช่ตนเอง

ครูจึงเป็น .............นักสร้าง ............ที่ใหญ่ยิ่ง
สร้างคนจริง .........สร้างคนกล้า.......สร้างคนเก่ง
สร้างคนให้ .......... ได้เป็นตัว .........ของตัวเอง
ขอมอบเพลง......... นี้มา................. บูชาครู


ครูทำงานสอนคนให้เปรื่องปราชญ์ หนึ่งสอนศาสตร์คุณธรรมศาสนา
ด้วยสองสิ่งช่วยสร้างคนสร้างปัญญา สร้างคุณค่าสอนศีลธรรมประจำใจ


อันคุณครูคำนี้มีความหมาย อันหลากหลายคำพูดจะกล่าวถึง
คือผู้ให้ทรัพย์วิชาน่าคำนึง คือผู้ซึ้งอบรมให้ทำดี
อีกครูนี้เหมือนพ่อแม่คนที่สอง ครูจึงต้องอดทนต่อหน้าที่
เพียรสั่งสอนเป็นแม่พิมพ์ศิษย์มากมี เรือจ้างนี้น้ำใจงามนามว่าครู


พลังแห่งแม่พิมพ์ผู้สร้างชาติ
ก่อให้เกิดนักปราชญ์ชาญศึกษา
เป็นกำลังให้ชาติพัฒนา
ซึ่งนำพาความรุ่งเรืองสู่ผองไทย
มาถึงวันสำคัญอาจารย์ศิษย์
ควรนึกคิดถึงพระคุณที่ท่านให้
ท่านอุตส่าห์เสียสละมาเท่าใด
ควรจำไว้และตอบแทนพระคุณเอย


แสงสาดส่องจากแม่พิมพ์อันน้อยใหญ่......
......เปรียบครูไทยทั่วทุกทิศที่พร่ำสอน......
......ฝึกหัดศิษย์เขียนอ่านชาญบทกลอน.....
......มิเกี่ยงงอนงานหนักเบาที่เข้ามา.......
......แม้เหนื่อยยากเท่าใดไม่เคยบ่น........
......หวังให้ศิษย์ทุกคนมีการศึกษา.......
......เป็นกำลังสร้างชาติไทยวัฒนา........
......ปวงประชาภูมิใจให้เกียรติครู.......


กาพย์ยานี 11
สิบหกมกรา เด็กเด็กมาไหว้คุณครู
ผู้ที่ให้ความรู้ ที่เชิดชูของพ วกเรา
คุณครูประเสริฐยิ่ง ไม่ทอดทิ้งให้อับเฉา
คุณครูของพวกเรา ช่วยขัดเกลาเป็นคนดี


"มะลิ" แทนวจีถ้อยร้อยมาลัย
"ดอกกล้วยไม้" ใช้แทนครูผู้สร้างสรรค์
"กุหลาบ" หรูชมพูขาวมารวมกัน
แทน "กตัญญุตาครู บูชาจารย์"


ถึงวันครูให้รำลึกอยู่ในจิต ผู้ฝึกคิดฝึกอ่านและสั่งสอน
จริยธรรมคุณธรรมเป็นอาภร ครูพร่ำสอนฝึกเด็กให้ดีพลัน
ครั้งละบาทนับไม่ควรค่าเรือจ้าง ที่ทั้งสร้างคนสร้างงานสร้างความฝัน
สรังทุกสิ่งเป็นทุกอย่างมารวมกัน ให้เด็กนั้นเป็นคนดีศรีชาติเอย


***ถึงวันครูให้รำลึกอยู่ในจิต
ผู้ฝึกคิดฝึกอ่านและสั่งสอน
จริยธรรมคุณธรรมเป็นอาภร
ครูพร่ำสอนจรเด็กให้เป็นคน
***ครั้งละบาทนับไม่ควรค่าเรือจ้าง
ที่ทั้งสร้างแบะคิดประสิทธิ์ผล
ครูสร้างคนสร้างชาติดังเครื่องกล
บังเกิดผลอันดีสรีชาติเอย


พลังแห่งแม่พิมพ์ผู้สร้างชาติ
ก่อให้เกิดนักปราชญ์ชาญศึกษา
เป็นกำลังให้ชาติพัฒนา
ซึ่งนำพาความรุ่งเรืองสู่ผองไทย
มาถึงวันสำคัญอาจารย์ศิษย์
ควรนึกคิดถึงพระคุณที่ท่านให้
ท่านอุตส่าห์เสียสละมาเท่าใด
ควรจำไว้และตอบแทนพระคุณเอย


ก็ขอให้เป็นแม่พิมพ์ของชาติตลอดไป
......แสงสาดส่องจากแม่พิมพ์อันน้อยใหญ่......
......เปรียบครูไทยทั่วทุกทิศที่พร่ำสอน......
......ฝึกหัดศิษย์เขียนอ่านชาญบทกลอน.....
......มิเกี่ยงงอนงานหนักเบาที่เข้ามา.......
......แม้เหนื่อยยากเท่าใดไม่เคยบ่น........
......หวังให้ศิษย์ทุกคนมีการศึกษา.......
......เป็นกำลังสร้างชาติไทยวัฒนา........
......ปวงประชาภูมิใจให้เกียรติครู.......


สิบหกมกรามาบรรจบ ขอน้อมนบคุณครูผู้สั่งสอน
ระลึกถึงซึ่งพระคุณกล่าวสุนทร ครูพร่ำวอนป้อนวิชาพาก้าวไกล
ให้ความรู้ในทุกด้านงานอาชีพ เป็นประทีปนำทางสว่างไสว
เป็นหางเสือเหมือนเรือถีบส่งไป เป็นโคมไฟส่องนำทางกลางมวลชน
อาชีพครูอยู่กับเด็กทุกรูปแบบ บางคนแสบเก่งกล้าพาสับสน
เที่ยวนั่งเล่นคุยโตโม้ซุกซน แต่บางคนก็เรียบร้อยพลอยชื่นชม
ผู้เป็นครูต้องอดทนจนที่สุด อย่าได้หยุดเบื่อหน่ายให้ขื่นขม
ช่วยเด็กด้อยร้อยความรักฝากคำชม ครูเหมาะสมอยู่ใกล้ชิดจิตเมตตา
พระเยซูคือครูผู้ยิ่งใหญ่ ทรงใฝ่ใจให้เด็กเล็กมาห
ช่อยโอบอุ้มดูแลแผ่กรุณา ให้เวลาเมื่อทำผิดคิดแก้ตัว
ขอให้เดินตามทางพระองค์ท่าน สานความฝันความรู้สู่เด็กทั่ว
ยึดอาชีพหลักธรรมประจำตัว ส่องไปทั่วให้สว่างกลางเด็กไทย


อันคุณครูคำนี้มีความหมาย อันหลากหลายคำพูดจะกล่าวถึง
คือผู้ให้ทรัพย์วิชาน่าคำนึง คือผู้ซึ้งอบรมให้ทำดี
อีกครูนี้เหมือนพ่อแม่คนที่สอง ครูจึงต้องอดทนต่อหน้าที่
เพียรสั่งสอนเป็นแม่พิมพ์ศิษย์มากมี เรือจ้างนี้น้ำใจงามนามว่าครู


คำว่าครูคำนี้มีความหมาย
มีหลากหลายคำร้อยจะถ้อยคำ
แทนขอบคุณที่ศิษย์ควรจะทำ
คำคำนั้นคือกราบครูน้อมดวงใจ


ครูลำบากยากเย็นความเป็นอยู่
ร.รครูของเราถูกเผาสิ้น
คิดถึงครูขึ้นมาน้ำตาริน
ฤาแผ่นดินมืดมนจนลืมครู


คุณที่สาม ล้ำเลิศ ประเสริฐหล้า
ดุจประทีป ส่องปัญญา สว่างใส
แสงเทียนสาด รัศมี ที่อำไพ
แสงนั้นไซร้ คือครู ผู้เมตตา
เสียสละแม้สุข สนุกสิ้น
สี่สอนศิลป์ ศาสตร์หนังสือ ศิษ์ศึกษา
จนแตกฉาน ชาญเชี่ยว เชียวปัญญา
ขอบูชา เชิดชู คุณครูเอย


ครูคือปูชนียบุคคล
ท่านทำตนเป็นแบบอย่างให้เราเห็น
เป็นดั่งแสงสว่างของเดือนเพ็ญ
ส่องนวลเย็นทั่วหล้าในราตรี
เป็นดั่งดาวพราวระยับสวยจับจิต
คอยส่องทิศส่องทางสว่างศรี
อบรมศิษย์เป็นพลเมืองดี
สอนให้มีความรักคู่คุณธรรม
ครูท่านเป็นเสมือนดั่งพ่อแม่
คอยดูแลยามพลั้งผิดมิคิดซํา
แนะแนวทางสว่างให้ไม่ปิดงำ
สอนให้จำสิ่งที่พลาดเป็นบทเรียน
พระคุณท่านยิ่งใหญ่เกินกำหนด
ไม่มีหมดแม้วันจะผันเปลี่ยน
ส่องสว่างกลางจิตดั่งแสงเทียน
คอยพากเพียรส่งศิษย์ถึงฝั่งเอย